วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ดูดาวบนดินที่ทับเบิก(เพรชบูรณ์)



ภูทับเบิกเป็นยอดเขาที่สงที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ เพิ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปสำรวจท่องเที่ยวได้ไม่นานนัก แต่ก็สามารถสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ที่ไปเยือนได้เป็นอย่างมาก จนกลาย 1 ใน UNSEEN THAILAND ที่คุณไม่ควรพลาดการไปเยือน ด้วยระดับความสูง 1,768 จากระดับน้ำทะเลปานกลาง อุณหภูมิที่หนาวเย็นทั้งปีบนยอดภู และไร่กะหล่ำปลี ที่กว้างใหญ่สุดลูกตา กินบริเวณยอดภูหลายลูก
.............จากกรุงเทพฯ ถึง จังหวัดเพชรบูรณ์ ผ่านตัวเมืองไปถึง ประมาณหลักกิโลเมตรที่ 258 กิโลเมตร มีทางแยกให้ท่านเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาย 2278 ขับตรงไปประมาณ 10.4 กิโลเมตร จะพบสี่แยก ( ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปพิษณุโลก ถ้าเลี้ยวขวาจะไปอำเภอหล่มสัก ) ไม่ต้องเลี้ยวให้ขับตรงไปจะเป็นทางหลวงหมายเลข 2372 ตรงไป ประมาณ 12.6 กิโลเมตร จากนั้น เลี้ยวซ้ายเข้าถนนทางหลวงหลายเลข 2331 ไปภูทับเบิก ขับไปตามเส้นทาง ซึ่งเป็นทางขึ้นเขา ระยะทางประมาณ 17.7 กิโลเมตร รวมโค้งหักศอก ทะแยงขึ้น-ลง ได้ประมาณ 111 โค้ง ระหว่างนี้ ท่านจะตื่นเต้นกับธรรมชาติด้านล่างที่สวยงามตลอดเส้นทาง เมื่อถึงสามแยกที่มีป้ายอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า และด่านเก็บเงินค่าเยี่ยมชมอุทยาน ให้ท่านเลี้ยวขวา ไม่ต้องเข้าไปในอุทยาน แล้วขับตรงไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร จากนั้นให้เลี้ยวขวาขึ้นไปยังจุดชมวิว ขับไปประมาณ 300 เมตร ก็จะถึงลานจอดรถ จากนั้นก็เดินเท้าประมาณ 200 เมตร ก็จะถึงจุดชมวิว...ภูทับเบิก


ภูทับเบิก ดินแดนแห่งความหนาว ที่มีดาวเกลื่อนดิน

ภูทับเบิก เป็นจุดที่สูงที่สุดของเพชรบูรณ์ โดยมีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,768 เมตร เหตุผลที่เรียกภูทับเบิกก็เพราะอยู่ใกล้กับหมู่บ้านม้งทับเบิก ต.วังตาล ซึ่งห่างจากอ.หล่มเก่า 40 กม. และห่างจากตัวจังหวัดเพชรบูรณ์ประมาณ 97 กม. ภูทับเบิก มีสภาพภูมิประเทศที่สวยงามด้วยธรรมชาติแบบทะเลภูเขา ป่าไม้ สายหมอก ไอหนาวและอากาศบริสุทธิ์ สภาพภูมิอากาศเย็นสบายตลอดปี เนื่องจากร่องลมเย็นจากเทือกเขาหิมาลัยและอยู่บนที่สูง จึงสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกลและทะเลหมอกที่มีให้ดูตลอดปีภูทับเบิก

ที่มาhttp://www.khaoko.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=280061&Ntype=5

ว่าด้วยเรื่องของวันคริสมาส

คำว่า "คริสต์มาส" เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า Christmas มาจากคำภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse ที่แปลว่า "บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า" ซึ่งพบครั้งแรกในเอกสารโบราณที่เป็นภาษาอังกฤษในปี ค.ศ. 1038 และในปัจจุบันคำนี้ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas

เทศกาล Christmas หรือ X’Mas ตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งวันที่ 25 ธันวาคมนั้นเป็นวันประสูติของพระเยซู ศาสดาแห่งศาสนาคริสต์ โดยพระองค์ประสูติที่เมืองเบ็ธเลเฮ็มและเติบโตที่เมืองนาซาเรท ซึ่งปัจจุบันคือประเทศอิสราเอล ตามหลักฐานในพระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่า พระเยซูเจ้าประสูติในสมัยที่จักรพรรดิซีซาร์ ออกุสตุส แห่งจักรวรรดิโรมัน ซึ่งทรงสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยฝ่ายคีรีนิอัส เจ้าเมืองซีเรียก็รับนโยบายไปปฏิบัติให้มีการจดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งอาณาเขต แต่ในพระคัมภีร์ ไม่ได้ระบุว่า พระเยซูประสูติวันหรือเดือนอะไร
ซานตาครอส



เป็นสิ่งแรกๆ ที่คนจะนึกถึงในฐานะสัญลักษณ์ของวันคริสต์มาส ซึ่งว่ากันว่าซานตาคลอสคนแรก คือ นักบุญ (เซนต์) นิโคลัส ผู้เป็นสังฆราชแห่งเมืองไมรา มีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 4 และเหตุที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นซานตาครอสคนแรก มาจากวันหนึ่งที่ท่านปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านของเด็กหญิงยากจนคนหนึ่ง แล้วทิ้งถุงเงินลงไปทางปล่องไฟ บังเอิญถุงเงินหล่นไปทางถุงเท้าที่เด็กหญิงแขวนตากไว้ข้างเตาผิงพอดี นักบุญนิโคลัส นั้นเป็นนักบุญที่ชาวฮอลแลนด์นับถือว่าเป็นนักบุญผู้อุปถัมภ์ของเด็กๆ เมื่อชาวฮอลแลนด์กลุ่มหนึ่งอพยพไปอยู่ในสหรัฐฯ ก็ยังรักษาประเพณีการฉลองนักบุญ นิโคลาส ในวันที่ 5 ธันวาคม เอาไว้ ซึ่งหมายถึงนักบุญนี้จะมาเยี่ยมเด็กๆ และเอาของขวัญมาให้เด็กอื่นๆ ที่ไม่ใช่ลูกหลานของชาวฮอลแลนด์ที่อพยพมา ประเพณีนี้จึงเริ่มเป็นที่รู้จักและแพร่หลายในอเมริกา โดยมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง คือ ชื่อนักบุญนิโคลัสก็เปลี่ยนเป็น ซานตาคลอส และแทนที่จะเป็นสังฆราชก็กลายเป็นชายแก่ที่อ้วนและใส่ชุดสีแดง อาศัยอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ มีเลื่อนเป็นยานพาหนะที่มีกวางเรนเดียร์ลาก และจะมาเยี่ยมเด็กทุกคนในโลกนี้ในโอกาสคริสต์มาส โดยลงมาทางปล่องไฟของบ้านเพื่อเอาของขวัญมาให้เด็กเหล่านั้นตามความประพฤติของเขา ถึงแม้ซานตาคลอสจะเป็นเพียงตำนานที่เกิดขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสก็ตาม แต่ก็เป็นสัญลักษณ์ที่รวมเอาวิญญาณและความหมายของคริสต์มาสไว้อย่างมากมาย อาทิ ความปิติยินดีชื่นชม ความโอบอ้อมอารี ความรัก และความเป็นกันเอง
^^ถุงเท้า



จากที่นักบุญนิโคลัสได้ปีนขึ้นไปบนปล่องไฟของบ้านเด็กหญิงยากจน เพื่อที่จะมอบเหรียญเงินให้เป็นของขวัญ แต่เหรียญนั้นกลับตกไปอยู่ในถุงเท้าที่เด็กหญิงแขวนตากไว้หน้าเตาผิง พอรุ่งเช้าเด็กหญิงตื่นมาเจอเหรียญเงินในถุงเท้าจึงดีใจมาก และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการที่ผู้คนมากมายต่างพากันแขวนถุงเท้าคริสต์มาสไว้ เพื่อหวังจะได้รับของขวัญเช่นเดียวกันบ้าง

เพลงวันคริสต์มาส
เพลงคริสต์มาสเริ่มมีขึ้นในศตวรรษที่ 5 แต่งโดยพระสงฆ์และฆราวาส มีเนื้อร้องเป็นภาษาลาติน ลักษณะของเพลงเป็นแบบสง่า เน้นถึงความหมายของการเสด็จมาของพระเยซูเจ้า แต่ในศตวรรษที่ 12 ได้มีการแต่งในท่วงทำนองที่ร่าเริงสนุกสนานมากขึ้น เริ่มจากประเทศอิตาลี โดยนักบุญฟรังซิส อัสซีซี และนักบวชคณะฟรังซิสกัน เป็นผู้สนับสนุน ให้มีเพลงคริสต์มาสแบบใหม่
เพลงคริสตมาสแบบใหม่นี้ เป็นที่ชื่นชอบของชาวบ้าน เพราะมีท่วงทำนองที่ร่าเริงกว่า และเน้นถึงความชื่นชมยินดีในโอกาสคริสต์มาส เพลงเหล่านี้มีทั้งที่เป็นภาษาลาติน และภาษาพื้นเมือง เพลงหนึ่งที่แต่งในสมัยนั้น (แต่งคำร้องในปี ค.ศ.1274) และยังใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน คือ เพลง Oh Come, All Ye Faithful หรือ Adeste Fideles ในภาษาลาติน เพลงคริสต์มาสที่นิยมร้องมากที่สุดในปัจจุบันได้แต่งขึ้นในศตวรรษที่ 19 จากประเทศเยอรมัน และประเทศอังกฤษเป็นส่วนใหญ่ เพลงที่มีชื่อเสียงมากได้แก่ เพลง Silent Night, Holy Night
ความเป็นมาของเพลงนี้มาจากวันก่อนวันฉลองคริสต์มาส ของปี ค.ศ.1818 คุณพ่อโจเซฟ โมห์ (Joseph Mohr) เจ้าอาวาสวัดที่โอเบิร์นดอฟ (Oberndorf) ประเทศออสเตรีย ได้ข่าวว่าออร์แกนในวัดเสีย ทำให้วงขับร้องไม่สามารถร้องเพลงตามที่ซ้อมไว้ได้ จึงมีการแต่งเพลงคริสต์มาสใหม่ นำไปให้เพื่อนชื่อ ฟรานซ์ กรูเบอร์ (Franz Gruber) ใส่ทำนองในคืนวันที่ 24 นั่นเอง และเล่นเพลง Silent Night เป็นครั้งแรก โดยมีการเล่นกีตาร์ประกอบการขับร้อง ซึ่งกลายเป็นเพลงที่นิยมมากที่สุดทั่วโลก
ที่มาจากhttp://hilight.kapook.com/view/18771

วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2551



บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด เปิดตัวผลิตภัณฑ์ โน้ตบุ๊ค เจมสโตนบลู รุ่นใหม่ล่าสุด Aspire 4935G Series เอกลักษณ์แห่งดีไซน์ด้วยขนาด 14 นิ้ว น้ำหนักเพียง 2.4 กิโลกรัม มาพร้อมกับเทคโนโลยี Acer CineCrystal หน้าจอ Widescreen ที่แสดงผลภาพแบบ 16:9 ให้คุณเต็มอิ่มกับความบันเทิงด้วยภาพเต็มหน้าจอ พร้อมความละเอียด 1366 x 768 พิกเซล คุณภาพเสียงเต็มพิกัดด้วยระบบเสียง Dolby Home Theater Audio รองรับระบบปฏิบัติการ Windows Vista Home Premium
คุณสมบัติของเครื่องที่มาพร้อมกับ Intel Centrino 2 Processor Technology ด้วยสปีดความแรงของระบบประมวลผลจาก Intel Core 2 Duo processor P8600 ที่มีความเร็วระดับ 2.4 กิ๊กกะเฮิร์ต ความจุฮาร์ดดิสก์มากถึง 500 กิ๊กกะไบต์ RAM 4 กิ๊กกะไบต์ การ์ดจอแยก NVIDIA GeForce 9500M GS 512MB ไดรฟ์อ่าน Blu-Ray พร้อมแลนไร้สาย Intel Wireless WiFi Link 5300 นอกจากนี้ยังติดตั้งกล้อง Acer CrystalEye WebCam ในตัวเครื่อง พร้อมช่องเชื่อมต่อสัญญาณ HDMI และ eSATA และรักษาความปลอดภัยด้วยระบบยืนยันการเปิดเครื่อง finger print
โดยวางตลาดฉลองรับปีใหม่แล้ววันนี้ ในราคา 49,900 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) สำหรับลูกค้าที่สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เอเซอร์ทั่วประเทศ หรือที่เอเซอร์ คอลล์ เซ็นเตอร์ ที่เบอร์โทรศัพท์ 0 2685 4311 หรือคลิกไปที่
www.acer.co.th

ที่มาhttp://tech.mthai.com/views_2_Aspire-4935G-Series-Acer-notebook_62_31828_1.html

เก้าอี้ดนตรี









สุดยอดการออกแบบที่ ทำให้เก้าอี้ของคุณไม่เงียบเหงาอีกต่อไป ด้วยคุณสมบัติที่สามารถต่อเชื่อมกับอุปกรณ์ IT ได้หลากหลาย ทั้ง เครื่องเล่น MP3 ทั่วไป iPod หรือ จะเป็น PSP ก็ยังได้






ที่มาจากเว็บ http://tech.mthai.com/views_2_ipod-psp-mp3-chair_71_32002_1.html










































วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2551

น่ากินเน้ออ













น่ากินทู้กรูปเลย อิ อิ
















เกี่ยวกับบลัชออนจ้า..^^

สาว ๆ คงรู้จัก บลัชออน กันใช่มั้ยคะ บรัชออนนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการแต่งหน้า เพราะจะทำให้หน้าเราดูได้รูป และทำให้หน้าเราดูดีมีน้ำมีนวลขึ้นด้วย แต่เดิมนั้นบลัชยังถูกใช้เป็นเทคนิคในการแต่งหน้าให้ได้รูป ดูมีโหนกแก้ม สันแก้ม ซึ่งผลที่ได้กลับดูไม่เป็นธรรมชาตินัก ที่จริงก็ควรใช้บลัชตรงตามความหมายเดิมดีกว่า นั่นคือการมอบแก้มระเรื่อเป็นสาวอ่อนวัยสุขภาพดี เวลาเลือกสีบลัช จงจำแนกให้ออกว่า สีพีชกับสีชมพูต่างกันอย่างไร เพราะสีเหล่านี้จะช่วยเน้นโทนสีผิวตามธรรมชาติของคุณและอย่าตัดสินสีจากบลัชใต้ตลับ หรือกะบะตัวอย่าง ให้ลองแต่งที่พวงแก้มหรือเนียนแก้มของคุณให้เห็นจะๆไปเลย
ข้อแนะนำในการเลือกสีบลัชเชอร์ให้เข้าสีผิวหน้า
ผมสีอ่อน : (สีน้ำตาล)/ ผิวสีอ่อน (ขาวเหลือหรือขาวอมชมพู) ใช้บลัชสีชมพูอ่อน
ผมสีอ่อน/ผิวสีเข้ม : ใช้บลัชสีชมพูอมน้ำตาลเหลือง (Tawny Pink)
ผมสีเข้า(สีดำ) / ผิวสีอ่อน : ใช้บลัชสีชมพูกุหลาบ
ผมสีเข้ม /ผิวสีเข้ม : ใช้บลัชสีชมพูอมน้ำตาล
สีผมเป็นสีแดง สีส้ม น้ำตาลอมส้ม แต่ผิวสีอ่อน : ใช้บลัชสีพีชอ่อน
สีผมเป็นสีแดง สีส้ม น้ำตาลอมส้ม แต่ผิวสีเข้ม : ใช้บลัชสีพีชเข้ม
ผมสีเข้ม /ผิวเดิมสีอ่อน แต่ไปอาบแดดจนเป็นสีทอง : ใช้บลัชสีน้ำตาลเข้ม
ผมดำ /ผิวดำ : ใช้บลัชสีอิฐ
อย่างไรก็ตามกฎทั่วไปในการเลือกบลัชเชอร์คือเลือกเฉดสีที่เข้ากันได้ดีกับโทนสีผิวของคุณ คุณอาจเลือกสีที่อ่อนกว่า หรือเข้มกว่าก็ได้ตามเทรนด์แฟชั่น

ประเภทของบลัชเชอร์
บลัชเชอร์แบบฝุ่น ควรใช้ทากับแก้มที่ลงรองพื้น และแป้งฝุ่นผัดหน้าแล้ว วิธีการใช้บลัชเชอร์แบบนี้ให้ใช้แปรงปัดแก้มขนนุ่มขนาดใหญ่คลุมบลัชก่อนแล้วเคาะให้ผงบลัชเชอร์กระจายตัวก่อนทาแก้ม ถ้าคุณเผลอทาบลัชเชอร์บนแก้มมากเกินไป ใช้หลังมือของคุณแตะบลัชเชอร์ออกเบาๆ ยอมเสียบลัชทิ้งไปสักเล็กน้อยดีกว่าทาเสียจนแก้มแดงปลั่งเหมือนโดนตบ
ข้อแนะนำที่ดีก็คือ ใช้แต่น้อยก่อน ถ้าคิดว่ายังมองไม่เห็น ก็ค่อยเพิ่มปริมาณเป็นสองเท่า เริ่มไล้สีตรงส่วนที่กินบริเวณมากที่สุดของแก้มคุณ ก็คือใต้โหนกแก้ม หรือสันแก้มตรงตำแหน่งใต้ตา จากนั้นยิ้มให้กับตัวเองในกระจก และปัดบลัชไล่ขึ้นตามแนวสันแก้มขึ้นไปหาขมับ เกลี่ยสีให้กลมกลืนกับสีผิวขึ้นไปหาแนวตีนผม เพื่อให้ละเมียดละไมเป็นธรรมชาติ
บลัชแบบครีม บลัชเนื้อครีมเรียกได้ว่าเป็นการแหกกฎความงามแบบดั้งเดิม เพราะต้องใช้ปลายนิ้วทาแทนที่จะเป็นแปรง ซึ่งต้องทาลงบนแก้มที่ลงรองพื้นแล้ว แต่ยังไม่ลงแป้งฝุ่น บลัชชนิดครีมมีคุณสมบัติในการมอบความเปล่งปลั่งสดใสให้แก่ทุกสภาพผิว
วิธีใช้ก็คือแตะบลัชเชอร์เนื้อครีมสองสามจุดลงบนแก้มของคุณ จากพวงแก้มขึ้นไปหาโหนกแก้ม ใช้ปลายนิ้วของคุณเกลี่ยไล้ทาให้กลมกลืน เพิ่มเติมลงไปอีกเพื่อให้ได้ลักษณะตามที่คุณต้องการ คุณอาจใช้ฟองน้ำแต้มรองพื้นมาช่วยเกลี่ยผสมกับบลัชเชอร์ให้กลมกลืนได้
บลัชเชอร์แบบเหลว มีเนื้ออ่อนใสเป็นน้ำ ซึ่งจะว่าไปแล้วทำให้นึกถึงที่ทาแก้มในยุคโบราณ วิธีใช้ก็เหมือนกับการใช้บลัชแบบครีม แต้มสองสามจุดบนแก้ม และแตะๆๆๆเพื่อไล้สีให้กลมกลืน แต่การใช้บลัชเชอร์แบบเหลวคุณจะทาแป้งฝุ่นก่อนก็ได้ และเมื่อแตะบลัชเชอร์เสร็จแล้ว อาจใช้แป้งฝุ่นไล้ทับอีกครั้งให้ดูระเรื่อเป็นธรรมชาติ
วิธีการใช้บลัชเชอร์โดยทั่วไป ควรเริ่มจากการรู้จักรูปหน้าของตัวเอง ดูว่าโหนกแก้มสูงไปหรือว่าหน้าแบนไป และกฎสำคัญก็คือทุกๆอย่างให้ง่ายเข้าไว้ พร้อมกับลงทุนซื้อแปรงปัดแก้มดี
ลองกันดูค่ะ

1. จงไปยืนหน้ากระจก และยิ้ม เอามือแตะแก้มบริเวณที่ต้องโดนหมอนเวลานอน จุดนั้นแหละจุดเริ่ม
2. ปัดสีบลัชวนเป็นวง อย่าลืมเคาะแปรงหนึ่งทีก่อนทาบลัช
3. หยุดยิ้มได้แล้วค่ะ ถึงเวลาปัดแปรงขึ้นปัดแปรงลง
4. ถ้าต้องการใบหน้าของเด็กสาวอ่อนวัย แตะแปรงบลัชเชอร์ไปตรงหน้าผาก สันจมูกและคาง เพื่อช่วยสะท้อนแสง
สำหรับคนที่คิดว่าบลัชเชอร์แบบแป้งไม่เหมาะกับตัวเอง เพราะถือแปรงไม่ถนัด ก็ใช้แบบครีมหรือแบบเหลว เพราะปลายนิ้วจะช่วยให้คุณได้สัมผัสและสื่อสารกับผิวแก้ม ทว่าสิ่งสำคัญคือการเกลี่ยหรือแตะๆๆ ไม่ใช่ปาดเสียจนเป็นทางม้าลาย อย่าลืมว่าบลัชแบบครีมหรือแบบเหลวสมควรไล้แป้งฝุ่นทับเพื่อทำให้ดูว่าแก้มของคุณเปล่งปลั่ง แดงระเรื่อมาจากเลือดฝาดในแก้มสาว
มีผลิตภัณฑ์ประเภทบลัชเชอร์อีกชนิดที่ให้ความงดงามเปล่งปลั่ง โดยไม่ใช่สีแดงระเรื่อนั่นคือผลิตภัณฑ์บรอนเซอร์ที่จะทำให้ใบหน้าของคุณดูเรืองรอง วาวใสเหมือนไปโดนแดดมา เวลาเลือกสี อย่าใช้บรอนเซอร์ที่มีสีเข้มกว่าเฉดผิวสีแทนตามธรรมชาติของคุณ
บรอนเซอร์มีเนื้อผลิตหลายแบบ อย่างเป็นแป้ง เป็นเจล เป็นครีม ทุกชนิดล้วนทำให้แก้มของคุณดูระเรื่อเรืองรอง และเซ็กซี่ อย่างไรก็ดี ถ้าไม่ใช่บรอนเซอร์แบบแป้ง ซึ่งต้องใช้ร่วมกับพัฟหรือแปรงปัดแล้ว นั่นหมายความว่าคุณต้องพึ่งปลายนิ้ว ซึ่งบ่อยครั้งที่เมื่อบรอนเซอร์แห้งแล้วแก้มยังไม่แวววาวพอทั้งที่ความเข้มของสีเป็นตามที่ต้องการ วาสลีนคือตัวช่วยชั้นดีให้คุณทาทับเพิ่มความวาวใส
ที่สาว ๆ ก็แต่งหน้าได้สวยโดนใจพร้อมจะออกไปอวดใครต่อใครได้แล้วค่ะ..
ขอขอบคุณข้อมูลจาก pooyingnaka.com

วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2551

สำนักงานอัตโนมัติ หมายถึงการนำคอมพิวเตอร์และการสื่อสารมาประยุกต์ใช้ในสำนักงาน เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานของสำนักงานสามารถปฏิบัติงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถบรรลุเป้าหมายขององค์กร เช่น การประมวลผลข้อมูล การประชุมทางไกล การติดต่อสื่อสาร เป็นต้น

ประโยชน์ของสำนักงานอัตโนมัติ

1. ประหยัดงบประมาณค่าใช้จ่าย
2.ช่วยลดต้นทุนในการบริหาร เนื่องจากภายในสำนักงานอัตโนมัติสามารถใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมและช่วยเหลือการทำงานได้หลายหน้าที่ ทำให้มีต้นทุนในการดำเนินการต่ำ (ลดจำนวนกำลังคน)
3. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการติดต่อสื่อสาร ทำให้สามารถรับข้อมูลและส่งต่อข้อมูลได้อย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีสื่อสาร ดังนั้นการประชุมจึงสามารถใช้อุปกรณ์สื่อสารเพื่อการประชุมทางไกลได้ด้วย
4. ประหยัดพื้นที่ในการเก็บข้อมูล การนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในสำนักงานอัตโนมัติทำให้สามารถเก้บข้อมูลได้เป็นจำนวนมากโดยอาศัยพื้นที่เพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ยังลดปริมาณการใช้กระดาษลงด้วย
5.เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน การจัดพิมพ์เอกสาร สามารถใช้เวลาน้อยลงและสะดวกขึ้น การดำเนินงานต่าง ๆ เกี่ยวกับเอกสารและสารสนเทศเป็นระบบมากขึ้น ผู้บริหารสามารถตัดสินใจได้ถูกต้องและรวดเร็ว คือ การทำงานมีความถูกต้องแม่นยำ เนื่องจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่นำมาใช้ในสำนักงานอัตโนมัติสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องและถุกต้อง ผู้ปฏิบัติงานมีความภาคภูมิใจในสำนักงานและหน่วยงานมากขึ้น ดังนี้
ทำให้รู้สึกว่าตนได้สังกัดหรือทำงานกับหน่วยงานที่มีความทันสมัย ทำให้ไม่คิดจะทิ้งหน่วยงานไปทำงานที่อื่น หน่วยงานและสำนักงานมีภาพลักษณะดี
6.สำนักงานอัตโนมัติช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ปรากฏต่อบุคคลภายนอก สร้างความน่าเชื่อถือต่อหน่วยงานอื่น ๆ
รูปสวย glitter emoticon comment glitter.mthai.com
คอมพิวเตอร์ธุรกิจ (Business Computer)

^^...B S R U...^^